ข่าว: SMF - Just Installed!
 
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
+  กระดานธรรมะ
|-+  กระดานสนทนาธรรม
| |-+  สาระธรรมทั่วไป
| | |-+  สัพเพเหระธรรม
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: สัพเพเหระธรรม  (อ่าน 35604 ครั้ง)
zen
Administrator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351


« ตอบ #45 เมื่อ: กันยายน 06, 2010, 03:50:17 PM »


          เมื่อบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ไม่เป็นไปอย่างที่ใจตนคาดหวัง คนทั่วไปมักโกรธ เคือง กระวนกระวาย หรือหงุดหงิด

          เมื่ออย่างนี้แล้ว ย่อมเสมือนว่า ตน กำลังสุมไฟเผาผลาญจิตใจตนเองให้รุ่มร้อน ให้ทุกข์ทรมาน ด้วยตนเอง

          บุคคลควรรู้จักยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่พิจารณาว่าเป็นคุณประโยชน์ เป็นกุศล เป็นความเจริญ อีกทั้งควรรู้จักปล่อยวางลงแม้แต่ในสิ่งเดียวกันนั้น เมื่อเห็นว่าเป็นโทษภัย เ็ป็นอกุศล เป็นความเสื่อม จึงจะหลีกเลี่ยงความสุดโต่ง

          มิเช่นนั้นแล้ว เมื่อนานไป บุคคลนั้นย่อมมักเป็นทุกข์ได้ง่าย โดยที่ตนเองก็ไม่ชัดเจนว่าเพราะอะไรกันแน่ หนทางอันที่จะแก้ไขความทุกข์นั้น ก็ย่อมยากเย็นขึ้นทุกทีๆ

          ผู้ใดที่ปรารถนาที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง ควรเริ่มต้นด้วยการ หยุดเพ่งเล็ง หยุดโทษผู้อื่นลงเสียก่อน อย่างสนิทใจ เมื่อทำได้อย่างนี้แล้ว ค่อยเพ่งพิจารณาสิ่งที่เหลืออยู่ในจิตใจตน ก็จะอาจสามารถเริ่มเห็นหนทางที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง และมั่นคง ยิ่งๆขึ้นไป เป็นลำดับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 21, 2014, 05:40:13 AM โดย zen » บันทึกการเข้า

จริงอยู่ว่า ผู้บรรลุนิพพาน ย่อมรู้ความเป็นไปของโลก ว่า เป็นเช่นนั้นเอง
แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ธรรมที่เป็นไปเอง หรือเกิดขึ้นเอง หรือไม่มีเจตนา
แท้จริงแล้ว พระนิพพาน มีได้เพราะกำหนด มีได้เพราะเจตนา ในอนัตตา
ดังนี้ ผู้สำคัญว่า นิพพาน จะมีได้เพราะไม่กำหนด หรือเป็นไปเอง จะไม่รู้พระนิพพานธรรมได้เลย
zen
Administrator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351


« ตอบ #46 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2012, 05:16:06 PM »


          หากคิดว่าเรารักใครสักคน เราควรมุ่งว่า เราจะเข้าใจเขาอย่างไร? จะประพฤติตนเป็นที่พึ่งแก่ผู้ที่เรารักได้อย่างไรบ้าง?
ไม่ควรมุ่ง หรือคาดหวังว่า เขาจะดีต่อเราอย่างไร ให้อะไรเราได้บ้าง เติมเต็มความไม่บริบูรณ์ไม่สุขสมหวังในชีวิตเราได้อย่างไรบ้าง ฯลฯ

          มิเช่นนั้นแล้ว เมื่อนานไป ผู้ที่คิดว่ารักกัน กลับมักไม่พ้นความกระทบกระทั่งเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพราะต่างฝ่ายต่างเอาประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง ถึงแม้จะอ้างว่า เพื่อความเจริญ ความถูกต้อง จึงควาดหวังบีบคั้นบังคับกันไปต่างๆนาๆ ด้วยสิ่งที่คิดว่า หวังดี สุดท้ายก็เพียงเอาตนเองเป็นที่ตั้ง เพื่อความพอใจแห่งตน ฯลฯ

          หากยังทำไม่ได้มาก หรือยังไม่บริบูรณ์ อย่างน้อยก็ควรหมั่นระลึกเช่นนี้ไว้ให้มาก ให้บ่อย จะค่อยๆลดความเบียดเบียนกันได้เป็นลำดับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 23, 2012, 09:26:32 PM โดย Sing » บันทึกการเข้า

จริงอยู่ว่า ผู้บรรลุนิพพาน ย่อมรู้ความเป็นไปของโลก ว่า เป็นเช่นนั้นเอง
แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ธรรมที่เป็นไปเอง หรือเกิดขึ้นเอง หรือไม่มีเจตนา
แท้จริงแล้ว พระนิพพาน มีได้เพราะกำหนด มีได้เพราะเจตนา ในอนัตตา
ดังนี้ ผู้สำคัญว่า นิพพาน จะมีได้เพราะไม่กำหนด หรือเป็นไปเอง จะไม่รู้พระนิพพานธรรมได้เลย
zen
Administrator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351


« ตอบ #47 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2014, 05:39:20 AM »

มนุษย์แต่ละคนก็เห็นปัญหาของชีวิตแตกต่างกันไป มากบ้างน้อยบ้าง แล้วสติปัญญา ประสพการณ์ ฯลฯ

ไม่ว่าจะสมหวัง หรือ ผิดหวัง น่าพอใจ หรือ ไม่น่าพอใจ สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วก็เป็นความจริงส่วนหนึ่งของชีวิตทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเห็นว่าเป็นปัญหาหรือไม่ก็ตาม

แท้จริงแล้ว ความเป็นจริงทั้งหลายในชีวิตมนุษย์นั้น ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เป็นปัญหาด้วยตัวของมันเอง ที่เป็นปัญหาต่อตนเองอย่างแท้จริงก็คือ มนุษย์ มีปัญหาต่อความเป็นจริง หรือ ขาดความยอมรับความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมา หรือกล่าวเรียกอีกอย่างว่า ไม่ซื่อสัตย์ต่อความเป็นจริงนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชนส่วนมากจึงมักใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหาความเดือดเนื้อร้อนใจ ไม่เคยพบคำตอบ หรือทางออก ที่เป็นที่สิ้นสุดแห่งปัญหาตนอย่างแท้จริงเลย จนเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง ส่วนมากก็ยังไม่สามารถสำเหนียก ว่าสิ่งที่มุ่งแสวงหามาตลอดทั้งชีวิตตนนั้น ไม่นำไปสู่คำตอบ หรือ ทางออกที่ถูกต้องเลย แม้แต่น้อย


ท่ามกลางความมืดมิดแห่งความหวาดกลัว อย่ามัวเสียเวลาเสียโอกาสด้วยการปล่อยให้ความหวาดกลัวครอบงำสติจิตใจตน ควรแน่วแน่จ้องมองเพ่งพิจจารณาให้ถึงก้นบึ้งที่สุดแห่งความมืดมิดอันน่าหวาดกลัวเหล่านั้นไปจนถึงที่สุด เพื่อที่จะสามารถล่วงรู้สภาพความเป็นจริงทั้งหมดของปัญหา หากปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างแท้จริงแล้ว ความจริงย่อมปรากฏ หนทางย่อมปรากฏ คำตอบที่แท้จริงย่อมปรากฏ

บันทึกการเข้า

จริงอยู่ว่า ผู้บรรลุนิพพาน ย่อมรู้ความเป็นไปของโลก ว่า เป็นเช่นนั้นเอง
แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ธรรมที่เป็นไปเอง หรือเกิดขึ้นเอง หรือไม่มีเจตนา
แท้จริงแล้ว พระนิพพาน มีได้เพราะกำหนด มีได้เพราะเจตนา ในอนัตตา
ดังนี้ ผู้สำคัญว่า นิพพาน จะมีได้เพราะไม่กำหนด หรือเป็นไปเอง จะไม่รู้พระนิพพานธรรมได้เลย
หน้า: 1 2 3 [4] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 19 คำสั่ง