ข่าว: SMF - Just Installed!
 
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
+  กระดานธรรมะ
|-+  ข้อมูลสาระธรรม และคำสอน
| |-+  ธรรมะ โดย ท่านวสันต์
| | |-+  จำแนกธรรม ๑๐ หมวดตามพระไตรปิฏก
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: จำแนกธรรม ๑๐ หมวดตามพระไตรปิฏก  (อ่าน 2808 ครั้ง)
zen
Administrator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351


« เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2008, 04:36:55 PM »

ขอถามเกี่ยวกับคำศัพท์ในพระไตรปิฏกหน่อยครับ

          จากพระสุตตันตปิฎกเล่ม 3 ทสุตตรสูตร ท่านสารีบุตร ได้จำแนกธรรมออกเป็น 10 หมวด แต่ละหมวด ประกอบด้วย

1. ธรรมที่มีอุปการะมาก
2. ธรรมที่ควรให้เจริญ
3. ธรรมที่ควรกำหนดรู้
4. ธรรมที่ควรละ
5. ธรรมที่เป็นไปในส่วนข้างเสื่อม
6. ธรรมที่เป็นไปในส่วนข้างวิเศษ
7. ธรรมที่แทงตลอดได้ยาก
8. ธรรมที่ควรให้บังเกิดขึ้น
9. ธรรมที่ควรรู้
10. ธรรมที่ควรทำให้แจ้ง

          คือความหมายของธรรม ทั้ง 10 นี้ค่อนข้างมีความคาบเกี่ยวกันอยู่ เช่น ธรรมที่มีอุปการะมาก ก็ น่าจะเป็นธรรมที่ควรให้เจริญ เป็นธรรมที่ควรกำหนดรู้ เป็นธรรมที่เป็นไปในส่วนข้างวิเศษ เป็นธรรมที่ควรให้บังเกิดขึ้น เป็นธรรมที่ควรรู้ และเป็นธรรมที่ควรทำให้แจ้ง ผมไม่สามารถเห็นความแตกต่างของธรรมทั้ง 7 นี้ได้ ท่านผู้รู้มีความเห็นยังไงครับ ว่าธรรมทั้ง 7 นี้แตกต่างหรือเหมือนกัน
          ต่อมาธรรมที่ควรละ ก็น่าจะเป็นธรรมที่เป็นไปในส่วนข้างเสื่อม ด้วย ธรรมทั้ง 2 นี้มีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร





ธรรมที่เป็นไปในส่วนข้างเสื่อม คืออะไร คือธรรมใดที่บุคคลพึงทำแล้ว จะประกอบด้วยสุขเวทนาก็ดี จะประกอบด้วยทุกขเวทนา ก็ดี ธรรมนั้นกระทำแล้วนำพาบุคคลให้เสื่อมทีละน้อย แต่มีปกติไม่เล็งเห็นอาการของความเสื่อม

ธรรมที่ควรละ คือ ธรรมที่บุคคลพึงเป็นไปในอาการไม่เจริญขึ้นในธรรมที่มุ่งหมาย

ก็ธรรมเป็นไปในส่วนข้างเสื่อมเป็นอย่างไร ก็ความสุขจากอาการมัวเมา เป็นต้น
เรากล่าวว่า ธรรมประเภทนี้ บางพวกควรตำหนิทางเดียว บางพวกยังไม่ควรตำหนิทันที

ธรรมที่ควรละ เช่น คนบางพวก เป็นผู้หนักแน่นในความคิด แต่ไม่ทำการงานอื่นใดที่สมควรทางกาย เที่ยวแต่ ใช้ผู้อื่น อันเป็นที่มาแห่งทาส ความเห็นนั้นควรละยิ่ง



 
วสันต์ 16 ก.ค. 48

บันทึกการเข้า

จริงอยู่ว่า ผู้บรรลุนิพพาน ย่อมรู้ความเป็นไปของโลก ว่า เป็นเช่นนั้นเอง
แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ธรรมที่เป็นไปเอง หรือเกิดขึ้นเอง หรือไม่มีเจตนา
แท้จริงแล้ว พระนิพพาน มีได้เพราะกำหนด มีได้เพราะเจตนา ในอนัตตา
ดังนี้ ผู้สำคัญว่า นิพพาน จะมีได้เพราะไม่กำหนด หรือเป็นไปเอง จะไม่รู้พระนิพพานธรรมได้เลย
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.125 วินาที กับ 18 คำสั่ง