ข่าว: SMF - Just Installed!
 
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
+  กระดานธรรมะ
|-+  ข้อมูลสาระธรรม และคำสอน
| |-+  ธรรมะ โดย ท่านวสันต์
| | |-+  วิทยาศาสตร์ กับ ศาสนา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: วิทยาศาสตร์ กับ ศาสนา  (อ่าน 18387 ครั้ง)
zen
Administrator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351


« เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2008, 05:06:41 PM »

ใคร่ขอถามผู้ศรัทธา
เชื่อว่าวิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์แห่งพุทธได้หรือ  ใคร่ขอถามว่า สิ่งที่เป็นความคิดของตัวผมในทางหลักวิทยาศาสตร์ สำหรับท่านผู้เป็นศาสนิกชน จะมีความคิดเห็นอย่างไร จากความคิดของตัวผม เชื่อว่านรกสวรรค์ ไม่มีจริง มันเป็นเพียงมายาของวิญญาณ เมื่อเรากระทำสิ่งใดๆด้วยเจตนา ความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่ได้รับผลของการกระทำนั้นจะสร้างเจตจำนงนำทางให้แก่วิญญาณของเรา ส่งผลต่อชีวิตที่มีจิตใจ อย่างน้อยๆก็จะเป็นตัวของเราเองที่จะรับมัน และเจตจำนงนั้นก็คงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าผลบุญผลบาป และเวรกรรม หากเราทำดี คนที่ได้รับผลดีก็จะอวยพรแก่ผู้ทำนั้น แล้วพรนั้นก็จะเป็นสิ่งอำนวยอนาคตของผู้ที่ดี ป้องกันเรื่องม่ดี และมีความสุข เพราะวิญญาณของเราที่รับคำอวยพร แม้เราจะไม่รู้สึกตัว แต่จิตใต้สำนึกก็จะสร้างความสุข และในทางกลับกัน เมื่อเราทำชั่ว สิ่งที่ผู้ที่รับผลชั่วจะให้คือคำสาปแช่ง วิญญาณที่รับคำสาปแช่งก็จะไม่เป็นสุขจากส่วนลึกโดยไม่รู้สึกตัว เพราะวิญญาณรับรู้ทุกสิ่งอย่าง มีความยิ่งใหญ่เกินคาดเดา หากเปรียบกับสมองกลแล้ว วิญญาณก็เหมือนสมองกลนับพันเครื่องรวมกัน แล้วเมื่อในเอกภพเรามีวิญญาณที่เราสัมผัสไม่ได้นับไม่ถ้วน เมื่อวิญญาณมีพลังในการรับรู้และคิดถึงขนาดนั้น แม้แต่อนาคต วิญญาณก็รับรู้ได้ ดังนั้น เมื่อวิญญาณรับคำสาปแช่งหรือคำอวยพร  คำเหล่านั้นมันก็จะทำหน้าที่ให้ผู้นั้นได้รับผลกรรมที่เหมาะสม และเมื่อเราตายไป วิญญาณของเราก็จะต้องมาอยู่ร่วมกับวิญญาณทั้งหลายในเอกภพ เจตจำนงที่เรารับมานั้นก็จะนำเราไปยังที่ๆเหมาะสม ในโลกแห่งเหล่าวิญญาณ ให้เราได้เดินทางไปยังที่ๆผลกรรมที่วิญญาณแบกไว้จะชักนำไป เมื่อวิญญาณที่มีความเชื่อเดียวกัน ได้มาอยู่ด้วยกัน ถูกผลกรรมเจตจำนงที่แบกไว้สร้างภาพให้แก่วิญญาณนั้น มันจึงได้เป็นนรกสวรรค์ของแต่ละคน ผู้ที่รับคำสาปแช่ง ก็จะถูกทำร้ายตามคำนั้น ผู้ที่ได้รับการอวยพร ก็จะได้มีความสุขตามนั้น เพราะในโลกของวิญญาณ ความคิดคือความเป็นจริง และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมศาสนาจึงสอนให้คนอย่าทำความทุกข์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น และจงยังความสุขแก่ผู้อื่นและตัวเอง  นี่คือสมมุติฐานคร่าวๆของผมครับ ในฐานะของผู้ยึดหลักคำสอนของศาสนาแล้ว ผมไม่คิดว่า ศาสดาของศาสนาพุทธเรา จะโกหกได้ แต่ในฐานะของผู้ที่ต้องการไขความจริงของจักรวาล ก็ไม่อาจจะยอมรับบางสิ่งที่จะดูไม่มีเหตุผล แต่ในฐานะของคนช่างฝัน ก็คงจะพูดไม่ได้ว่า มีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้โดยที่ไม่มีเหตุผลรองรับอยู่บนโลกนี้ ผมเชื่อว่า สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กระทำ คือ อธิบายว่าทำไม ผมต้องการความเห็นจากผู้ที่ศรัทธาในศาสนาว่า ทุกสิ่งมีเหตุ จึงมีผล ทุกคำถาม มีคำตอบอยู่แล้ว พระศาสดาเพียงไขคำตอบของสิ่งที่เราควรรู้มากที่สุดให้ แต่นักวิทยาศาสตร์ และผู้ที่อยากเป็น รวมทั้งผม อยากจะไขความจริงอื่นๆนอกจากที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ให้หมดสิ้น แต่พวกเราไม่อาจมีอัจฉริยภาพได้เท่าเทียมท่าน เราจึงต้องมีการปรึกษากันเพื่อความจริงนั้น  แต่ผมไม่อาจปรึกษาใครได้ จึงใคร่ขอความกรุณาด้วยครับ





ก็ปกติ วิชาของคนส่วนมาก ในโลก มีภาษา เป็นบัญญติ ของวิชาทั้งหลายเหล่านั้น
อันมี วิชาเลข วิชาภาษา เป็นต้น
ก็คนส่วนมาก ศึกษา วิชาเหล่านั้น พยายาม สรุปปัญหา ทั้งหลายมาก ลงในวิชา หนึ่งส่วนเดียว มีวิชาเลข หรือ ดาราศาสตร์ หรือวิชาใด ของวิชานั้นส่วนเดียว
แท้จริงสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปในวิชาเดียว นักคิดนักค้นคว้าส่วนมากเป็นอย่างนี้ละ จึงพิสูจน์ ธรรมต่างๆได้ยาก แท้จริงธรรมส่วนมากในโลก มี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มโน เป็นไปในอันเดียว เป็นไปพร้อมกัน



วสันต์  28 ต.ค. 47

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 22, 2008, 05:25:30 PM โดย zen » บันทึกการเข้า

จริงอยู่ว่า ผู้บรรลุนิพพาน ย่อมรู้ความเป็นไปของโลก ว่า เป็นเช่นนั้นเอง
แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ธรรมที่เป็นไปเอง หรือเกิดขึ้นเอง หรือไม่มีเจตนา
แท้จริงแล้ว พระนิพพาน มีได้เพราะกำหนด มีได้เพราะเจตนา ในอนัตตา
ดังนี้ ผู้สำคัญว่า นิพพาน จะมีได้เพราะไม่กำหนด หรือเป็นไปเอง จะไม่รู้พระนิพพานธรรมได้เลย
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.04 วินาที กับ 19 คำสั่ง