ข่าว: SMF - Just Installed!
 
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
+  กระดานธรรมะ
|-+  ข้อมูลสาระธรรม และคำสอน
| |-+  ธรรมะ โดย ท่านวสันต์
| | |-+  อติมานะ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: อติมานะ  (อ่าน 4801 ครั้ง)
zen
Administrator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351


« เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2008, 04:46:52 PM »

   จะแก้ไข" อติมานะ "ได้อย่างไร

ตัวอย่างเช่น นางดำ  ไปช่วยสอนการบ้านเด็กตาบอด แล้วติด"เหา "จากเด็กๆ
นางดำ ได้ไปเล่าให้เพื่อนคือ นางเขียว ฟัง  จากที่ตอนแรก นาง เขียว สัญญาซะดิบดี ว่าจะไปช่วยเด็กๆ นาง เขียว บอกงั้นชั้นไม่ไปแล้ว รร ตาบอด เพราะ กลัวจะติดเหา   นาง ดำ จึงคิดดูหมิ่น นาง เขียว อยู่ในใจ ว่า เสียความรู้สึกจัง เชอะแค่นี้ก็ทำไม่ได้ได้ ฉันดีกว่าเธอ เสียสละ กว่าเธอตั้งเยอะ

อติมานะ คือ ความถือตัวว่ายิ่งกว่าเขา ดูหมิ่นเขา เป็นหนึ่งในอุปกิเลส 16

อยากทราบว่า
1. อย่างนี้เรียกว่า นางดำ มี อติมานะ ใช่หรือไม่
2. เราจะ ลด ละ เลิก กิเลส ตัวนี้ได้ด้วยวิธีไหนครับ





เรากล่าวว่า เพราะทุศีล ความดูหมิ่นจึงปรากฏ
ความประมาท เกิดแก่บุคคล ใด ความกลัวจึงปรากฏแก่ผู้นั้น
เรากล่าวว่า บุคคลใด ทำสัจจะ ๔ ประการให้ปรากฏ ตลอดเวลา จะไม่มีใครติได้เลย
ก็สัจจะนั้น คือ ความทน ๔ ประการ ทนต่อการประทุษร้ายได้ ๑ ทนต่อการบังคับได้ ๑ ทนต่อการหลีกเร้นได้ ๑ ทนต่อการวัฒนาการได้ ๑



วสันต์ 06 ก.ย. 48



อุปกิเลส โทษเครื่องเศร้าหมอง, สิ่งที่ทำจิตต์ใจให้เศร้าหมองขุ่นมัว รับคุณธรรมได้ยาก
       มี ๑๖ อย่าง คือ
           ๑. อภิชฌาวิสมโลภะ ละโมบ จ้องจะเอาไม่เลือกควรไม่ควร
           ๒. โทสะ คิดประทุษร้าย
           ๓. โกธะ โกรธ
           ๔. อุปนาหะ ผูกโกรธไว้
           ๕. มักขะ ลบหลู่คุณท่าน
           ๖. ปลาสะ ตีเสมอ
           ๗. อิสสา ริษยา
           ๘. มัจฉริยะ ตระหนี่
           ๙. มายา เจ้าเล่ห์
           ๑๐. สาเถยยะ โอ้อวด
           ๑๑. ถัมภะ หัวดื้อ
           ๑๒. สารัมภะ แข่งดี
           ๑๓. มานะ ถือตัว
           ๑๔. อติมานะ ดูหมิ่นท่าน
           ๑๕. มทะ มัวเมา
           ๑๖. ปมาทะ เลินเล่อหรือละเลย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 12, 2009, 02:44:14 PM โดย zen » บันทึกการเข้า

จริงอยู่ว่า ผู้บรรลุนิพพาน ย่อมรู้ความเป็นไปของโลก ว่า เป็นเช่นนั้นเอง
แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ธรรมที่เป็นไปเอง หรือเกิดขึ้นเอง หรือไม่มีเจตนา
แท้จริงแล้ว พระนิพพาน มีได้เพราะกำหนด มีได้เพราะเจตนา ในอนัตตา
ดังนี้ ผู้สำคัญว่า นิพพาน จะมีได้เพราะไม่กำหนด หรือเป็นไปเอง จะไม่รู้พระนิพพานธรรมได้เลย
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.039 วินาที กับ 19 คำสั่ง