ข่าว:
SMF - Just Installed!
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
กระดานธรรมะ
ข้อมูลสาระธรรม และคำสอน
ธรรมะ โดย ท่านวสันต์
ศาสนา กับ ความงมงาย
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
หน้า:
[
1
]
ผู้เขียน
หัวข้อ: ศาสนา กับ ความงมงาย (อ่าน 3384 ครั้ง)
zen
Administrator
Sr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 351
ศาสนา กับ ความงมงาย
«
เมื่อ:
กรกฎาคม 22, 2008, 05:55:04 PM »
คนที่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก
คนฉลาดภายนอกศาสนา เมื่อเห็นแล้วก็ไม่เข้ามา
การสร้างรูปเคารพในศาสนาพุทธ แสดงถึงความงมงายยิ่งกว่า การมีพระเจ้าองค์เดียว ในศานาอื่นๆ อีก เพราะการกราบไหว้ของศาสนาอื่น ผมว่าดูขลังกว่าของเราเยอะ วันนั้นผมดูใน TV โบสถ์ของเขาเอี่ยมมาก เพราะไม่มีอะไรเลย (โดยเฉพาะรูปเคารพ)
คนฉลาดภายนอกพุทธศาสนา เมื่อจะเข้ามาเรียนรู้ เมื่อเห็นการกระทำแบบนี้ เขาเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย จึงไม่อยากเข้ามาเรียน
และเดี๋ยวนี้ในหมู่ผู้คน เริ่มไม่ไหว้แล้วคนห่มผ้าเหลือง เขาพอใจไหว้พระพุทธรูปมากกว่า แต่ผมพอใจไหว้พระภิกษุมากกว่า เพราะน้อยที่สุด เขาห่มผ้าเหลือง และท่องคำสอนของพระพุทธเจ้ามา แม้บทเดียวก็น่าเคารพแล้วครับ แต่พระพุทธรูปไม่ทำอะไรเลย
การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีรูปเคารพ ผมว่าหยุดสร้างได้แล้วนะ พระพุทธรูป ยิ่งเขามาทำลายให้ด้วย ผมยิ่งชอบ คนของเราได้ฉลาดขึ้น จะได้รู้ว่าควรสร้างอะไร ความคิดผมเป็นอย่างนี้ ต้องเปลี่ยนหรือไม่
อย่าพอใจในความเห็นนั้นเลย จริงอยู่เรากล่าวว่า ผู้บวชควรเป็นผู้มักน้อย
แต่การที่เราจะไม่เห็นประโยชน์จากการบูชา ก็มิควร
การที่คนเหล่านั้นจะพึงสักการะบ้างนั้น จริงอยู่ว่า คนบางพวกในโลก สักการะทานด้วยความโลภ คนบางพวกสักการะด้วยเพราะแสวงหาที่พึ่ง
แม้ข้อนี้เราไม่ตำหนิ
การสักการะ ด้วยทานก็ดี ด้วยประติมาก็ดี นั่นควรประมาณด้วยปัญญา
แม้การรับก็เช่นกัน บางคนไม่เคารพในฐานะ ออกบวชแต่ไม่พึงประมาณการสักการะ ไม่พึงประมาณการรับ เป็นโคตรภูสงฆ์ มีความประพฤติ คนโลภย่อมสักการะ ผู้แสวงหากุศลย่อมรังเกียจ ถ้าบุคคลผู้เช่นอย่างนี้จะไม่พึงเคารพสงฆ์นั้น ด้วยการกระทำนั้น ก็ไม่ควรพึงถูกตำหนิ แต่หมู่ชนเหล่านี้ย่อมไม่ควรมีจิต ประทุษร้าย จึงจะมั่นคงในธรรม ผู้เป็นบัณทิต ควรสนใจการงานของตน ไม่ควรใส่ใจผู้อื่นมากนัก จะกล่าวไปใยกับพวกคนทุศีลเล่า
วสันต์ 15 ธ.ค. 47
โคตรภูสงฆ์
ในที่นี้หมายถึง ผู้ขาด หรือระงับ จากความเป็นสงฆ์
บันทึกการเข้า
จริงอยู่ว่า ผู้บรรลุนิพพาน ย่อมรู้ความเป็นไปของโลก ว่า เป็นเช่นนั้นเอง
แต่ พระนิพพาน ไม่ใช่ธรรมที่เป็นไปเอง หรือเกิดขึ้นเอง หรือไม่มีเจตนา
แท้จริงแล้ว พระนิพพาน มีได้เพราะกำหนด มีได้เพราะเจตนา ในอนัตตา
ดังนี้ ผู้สำคัญว่า นิพพาน จะมีได้เพราะไม่กำหนด หรือเป็นไปเอง จะไม่รู้พระนิพพานธรรมได้เลย
หน้า:
[
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
คำนำ และคำอธิบายเว็บ
-----------------------------
=> ประกาศสำหรับผู้สมัครสมาชิกใหม่
=> คำนำจากผู้ดูแลระบบ
=> ความเห็นเกี่ยวกับเว็บนี้
-----------------------------
ข้อมูลสาระธรรม และคำสอน
-----------------------------
=> ข้อความพระธรรมเทศนา และคำสอนครูบาอาจารย์
=> ลิ๊งค์ข้อมูล และลิ๊งค์คำสอนครูบาอาจารย์
=> ธรรมะ โดย ท่านวสันต์
-----------------------------
กระดานสนทนาธรรม
-----------------------------
=> ปริยัติธรรม
=> สมถะ และวิปัสสนากรรมฐาน
=> ชี้แจงข้อธรรม
=> สาระธรรมทั่วไป
-----------------------------
ข่าวสารสมาชิก
-----------------------------
=> กำหนดการ (schedule)
=> งานบุญทั่วไป
=> ทักทายสมาชิก
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
Powered by SMF 1.1.14
|
SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC
|
Thai language by ThaiSMF
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 19 คำสั่ง
กำลังโหลด...
Free SMF 1.1.5 Forum Theme
by
Tamuril
. 2008.