หัวข้อ: ศาสนา กับ ความงมงาย เริ่มหัวข้อโดย: zen ที่ กรกฎาคม 22, 2008, 05:55:04 PM คนที่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก
คนฉลาดภายนอกศาสนา เมื่อเห็นแล้วก็ไม่เข้ามา การสร้างรูปเคารพในศาสนาพุทธ แสดงถึงความงมงายยิ่งกว่า การมีพระเจ้าองค์เดียว ในศานาอื่นๆ อีก เพราะการกราบไหว้ของศาสนาอื่น ผมว่าดูขลังกว่าของเราเยอะ วันนั้นผมดูใน TV โบสถ์ของเขาเอี่ยมมาก เพราะไม่มีอะไรเลย (โดยเฉพาะรูปเคารพ) คนฉลาดภายนอกพุทธศาสนา เมื่อจะเข้ามาเรียนรู้ เมื่อเห็นการกระทำแบบนี้ เขาเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย จึงไม่อยากเข้ามาเรียน และเดี๋ยวนี้ในหมู่ผู้คน เริ่มไม่ไหว้แล้วคนห่มผ้าเหลือง เขาพอใจไหว้พระพุทธรูปมากกว่า แต่ผมพอใจไหว้พระภิกษุมากกว่า เพราะน้อยที่สุด เขาห่มผ้าเหลือง และท่องคำสอนของพระพุทธเจ้ามา แม้บทเดียวก็น่าเคารพแล้วครับ แต่พระพุทธรูปไม่ทำอะไรเลย การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีรูปเคารพ ผมว่าหยุดสร้างได้แล้วนะ พระพุทธรูป ยิ่งเขามาทำลายให้ด้วย ผมยิ่งชอบ คนของเราได้ฉลาดขึ้น จะได้รู้ว่าควรสร้างอะไร ความคิดผมเป็นอย่างนี้ ต้องเปลี่ยนหรือไม่ อย่าพอใจในความเห็นนั้นเลย จริงอยู่เรากล่าวว่า ผู้บวชควรเป็นผู้มักน้อย แต่การที่เราจะไม่เห็นประโยชน์จากการบูชา ก็มิควร การที่คนเหล่านั้นจะพึงสักการะบ้างนั้น จริงอยู่ว่า คนบางพวกในโลก สักการะทานด้วยความโลภ คนบางพวกสักการะด้วยเพราะแสวงหาที่พึ่ง แม้ข้อนี้เราไม่ตำหนิ การสักการะ ด้วยทานก็ดี ด้วยประติมาก็ดี นั่นควรประมาณด้วยปัญญา แม้การรับก็เช่นกัน บางคนไม่เคารพในฐานะ ออกบวชแต่ไม่พึงประมาณการสักการะ ไม่พึงประมาณการรับ เป็นโคตรภูสงฆ์ มีความประพฤติ คนโลภย่อมสักการะ ผู้แสวงหากุศลย่อมรังเกียจ ถ้าบุคคลผู้เช่นอย่างนี้จะไม่พึงเคารพสงฆ์นั้น ด้วยการกระทำนั้น ก็ไม่ควรพึงถูกตำหนิ แต่หมู่ชนเหล่านี้ย่อมไม่ควรมีจิต ประทุษร้าย จึงจะมั่นคงในธรรม ผู้เป็นบัณทิต ควรสนใจการงานของตน ไม่ควรใส่ใจผู้อื่นมากนัก จะกล่าวไปใยกับพวกคนทุศีลเล่า วสันต์ 15 ธ.ค. 47 โคตรภูสงฆ์ ในที่นี้หมายถึง ผู้ขาด หรือระงับ จากความเป็นสงฆ์ |